ชื่อโครงการวิจัย :: |
ผลของกิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมต่อความรู้และทัศนคติในการป้องกันการตั้งครรภ์ของวัยรุ่น |
ปีงบประมาณ :: |
2566 |
หัวหน้าโครงการวิจัย :: |
สุภาพักตร์ หาญกล้า
|
ผู้ร่วมโครงการวิจัย :: |
กัตติกา วังทะพันธ์ ดร.สร้อย อนุสรณ์ธีรกุล นงนุช บุญมาลา วรนุช ไชยวาน อัญชลี อ้วนแก้ว
|
แหล่งเงินสนับสนุน :: |
ภายใน |
งบประมาณโครงการ :: |
15000 |
ประเภทโครงการวิจัย :: |
พรรณนา |
สาขาวิชา :: |
วิชาการพยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์ |
ผลการดำเนินงาน :: |
ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ |
ผลการตีพิมพ์เผยแพร่ :: |
วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี |
เอกสารงานวิจัย :: |
|
บทคัดย่อโครงการวิจัย :: |
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยก่อนทดลอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้และทัศนคติของวัยรุ่นที่มีผลต่อการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และเพื่อเปรียบเทียบผลของกิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมที่มีต่อความรู้และทัศนคติต่อการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยรุ่นกลุ่มตัวอย่าง ระหว่างก่อนการทดลองและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เขตเทศบาลเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นนักเรียนที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ครบตามกำหนด ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 58 คน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมจำนวน 8 กิจกรรม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามประกอบด้วย 1) ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง 2) ความรู้เรื่องการตั้งครรภ์ มีค่าความเชื่อมั่น 0.75 3) ความรู้เรื่องการคุมกำเนิด มีค่าความเชื่อมั่น 0.91 4) ทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ มีค่าความเชื่อมั่น 0.76 5) ทัศนคติต่อการคุมกำเนิด มีค่าความเชื่อมั่น 0.74 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติ paired T-test
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 58 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 62.1 อายุอยู่ระหว่าง 14-16 ปี มีแฟนแล้วร้อยละ 44.8 และเคยใช้วิธีการคุมกำเนิดร้อยละ 32.8 ก่อนการทดลองมีคะแนนความรู้เรื่องการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำและปานกลาง คะแนนความรู้เรื่องการคุมกำเนิดอยู่ในระดับต่ำ คะแนนทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิดอยู่ในระดับปานกลาง หลังการทดลองมีคะแนนความรู้เรื่องการตั้งครรภ์อยู่ในระดับปานกลาง คะแนนความรู้เรื่องการคุมกำเนิดอยู่ในระดับต่ำ คะแนนทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิดอยู่ในระดับปานกลาง และพบว่าค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้เรื่องการตั้งครรภ์ ทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์และทัศนคติต่อการคุมกำเนิด ก่อนและหลังการทดลองไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนคะแนนความรู้เรื่องการคุมกำเนิดหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p=0.006 สรุปให้เห็นว่ากิจกรรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม สามารถพัฒนาความรู้เรื่องการคุมกำเนิดได้ |
หน่วยคะแนน :: |
0.6 |